วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2561

บทที่ 6 ดาวฤกษ์

♥ ดาวฤกษ์  ♥

   ☆ดาวฤกษ์ (star)

  •  ดาวฤกษ์ คือ ก้อนแก๊สร้อนขนาดใหญ่มีไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบประมาณ 99% และมีฮีเลียมอยู่ด้วย
  • ดาวฤกษ์ต่างจากดาวเคราะห์ที่สามารถผลิตพลังงานได้ด้วยตัวเองจึงสามารถเปล่งแสงได้
  • ดาวฤกษ์ทุกดวงยกเว้นดวงอาทิตย์ปรากฏเป็นจุดสว่างบนท้องฟ้าซึ่งกะพริบด้เนื่องจากผลของบรรยากาศโลกและระยะห่างจากโลก
  • ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์เช่นกัน แต่อยู่ใกล้เราจนปรากฏเป้นแผ่นกลมแทนที่จะเป็นจุด

   ☆ วิวัฒนาการของดาวฤกษ์
  • ดาวฤกษ์เกิดจากการยุบตัวของเนบิวลา
  • ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นบนดาวฤกษ์เรียกว่า เทอร์โมนิวเคลียร์หรือ นิวเคลียร์แบบฟิวชั่น
  • วิวัฒนาการและจุดจบของดาวฤกษ์แต่ละดวงขึ้นอยู่กับมวลของดาวฤกษ์
  • เนบิวลา ที่มีความหนาแน่นมากจะยุบตัวลงเกิดเป็นดาวฤกษ์ก่อนเกิด(Protostar) ซึ่งอุณหภูมิและความดันที่ใจกลางยังไม่มากพอที่จะเกิดปฏิกิริยาขึ้นได้
  • เมื่อดาวฤกษืยุบตัวภายใต้แรงโน้มถ่วงจนเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์แล้วจึงจะเริ่มเปล่งแสงและกลายเป้นดาวฤกษ์สมบูรณ์
  • ดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อย เช่น ดวงอาทิตย์จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงในอัตราน้อยมีชีวิตยืนยาวมีจุดจบเป้นดาวเเคระขาว
  • ดาวฤกษ์ที่มีมวลมาก มีความสว่างมาก ใช้เชื้อเพลิงในอัตราสูง มีชีวิตสั้น
  • จุดจบของดาววฤกษ์ที่มีมวลมากจะมีการระเบิดอย่างรุ่นแรง เรียกว่า ซุปเปอร์โนวา
  • จาก supenova ดาวฤกษ์ยุบตัวด้วยแรงโน้มถ่วงและกลายเป็นดาวนิวตรอนหรือหลุมดำ
  • การระเบิดของดาวฤกษ์ที่มีมวลมากนี้ก่อให้เกิดนิวเคลียสของธาตุหนัก เช่น ทองคำ ยูเรเนียม
         
           
         รูปภาพที่ไม่มีคำบรรยาย
     
  ☆ดวงอาทิตย์
  • ดวงอาทิตย์มีมวลไม่มากพอที่จะทำให้เกิดนิวเคลียสขนาดหนักได้
  • ดวงอาทิตย์มีอายุมาแล้ว 5000 ล้านปี และจะมีชีวิตต่อไปอีก 5000 ล้านปี
  • พลังงานในดวงอาทิตย์ได้มาจากปฏิกิริยา เทอร์โมนิวเคลียสหรือนิวเคลียร์แบบฟิวชั่น หาได้จาก E=mc²
  • เมื่อใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนหมดแกนกลางจะยุบตัว เกิดการเผาผลาญฮีเลียมแล้วจะขยายขนาดใหญ่ขึ้นเป็นดาวยักษ์แดง
  • เมื่อ เชื้อเลิงฮีเลียมที่ใจกลางหมด ดาวจะยุบตัวลงอีกครั้งขณะที่เเก๊สรอบนอกขยายตัวออกบริเวณรอบนอกจะกลายเป็น เนบิวลาดาวเคราะห์เหลือดาวเคราะขาวไว้ตรงกลาง
  • ดาวเคราะห์ขาวจะมีความหนาแน่สูงมาก แต่จะมีมวลสารไม่เกิน 1.4 เท่าของดวงอาทิตย์อุณหภูมิที่ผิวประมาณ 30000 ถึง 200000 เคลวิน 
   ☆ความสว่างและอันดับความความสว่างของดาวฤกษ์
  •  ความสว่างของดาวฤกษ์เป็นปริมาณพลังงานแสงจากดาวฤกษ์ดวงนั้นใน 1 วินาทีต่อ 1 หน่วยพื้นที่
  • อันดับ ความสว่าง(โชติมาตร)เป็นตัวเลขที่กำหนดขึ้นโดยมีหลักว่าดาวฤกษ์ริบหรี่ที่ สุดที่ตาเปล่ามองเห็น มีอันดับความสว่าง 6 และดาวฤกษ์สว่างที่สุดมีอันดับคามสว่าง 1
  • อันดับความสว่างเป็นตัวเลขที่ไม่มีหน่วย

    ☆ สีและอุณหภูมิของดาวฤกษ์
  • สีของดาวฤกษ์จะมีความสัมพันธ์กับอุณหภูมิที่ผิว และอายุของดาว
  • นักดาราศาสตร์จำแนกดาวฤกษ์ออกเป็นกลุ่มตามสี หรืออุณหภูมิพื้นผิว
  • ดาวที่มีสีน้ำเงิน จะมีอุณหภูมิผิวสูง อายุน้อย
  • ดาวที่มีสีส้มแดง จะมีอุณหภูมิผิวต่ำ อายุมาก
  • ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ มีอุณหภูมิผิวประมาณ 6000 เคลวิน

  ☆เนบิวลา
  • เนบิวลา คือ กลุ่มฝุ่นแก๊สขนาดใหญ่โตมาก ประกอบด้วยแก๊สไฮโดรเจนและฮีเลียม เป็นแหล่งกำเนิดดาวฤกษ์ เมื่อมองด้วยตาเปล่าหรือใช้กล่องสองตาจะเป็นฝ้า ขาวจางๆ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ คือ
  1. เนบิวลาสว่างประเภทเรืองแสง
  2. เนบิวลาสว่างประเภทสะท้อนแสง
  3. เนบิวลาดาวเคราะห์
  4. เนบิวลามืด 
 

วันจันทร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2561

บทที่ 5 เอกภพ


👀 เอกภพ 👀


 ❤เอกภพวิทยาในอดีต ❤

   1.เอกภพของชาวสุเมเรียนและบาบิโลน
   2.เอกภพของกรีก
   3.เอกภพของเคปเลอร์
   4.เอกภพของกาลิเลโอ
🌟1.เอกภของชาวสุเมเรียนและบาบิโลน
  • อยู่บนดินแดนที่ชื่อว่า เมโสโปเตเมีย (อิรัก)
  • บันทึกตำแหน่งของดาวฤกษ์ และดาวเคราะห์โดยให้ "โลกเป็นศูนย์กลาง"
  • บันทึกการตั้งชื่อกลุ่มดาวในท้องฟ้า
  • อธิบายการเคลื่อนที่ของดวงดาวตามความเชื่อที่ว่า เทพเจ้าปกครองโลกท้องฟ้าและน้ำเป็นสิ่งที่เทเจ้าบันดาล
  • ให้ความหมายของเอกภพว่า "ท้องฟ้าที่ประกอบด้วยดวงดาวต่างๆที่เคลื่อนที่ไปตามเวลา ตามความประสงค์ของนะเจ้า"

🌟เอกภพของชาวบาบิโลน
  • วาดภาพดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ และกำหนดเส้นทางการขึ้น-ตกของดาวเป็นประจำทุกวัน
  • ทำนายการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ได้อย่างถูกต้อง
  • ทำนายการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลได้อย่างถูกต้อง
  • ทำปฏิทินแสดงวันที่และฤดูกาลได้อย่างถูกต้อง
  • เอกภพเหมือนกับชาวสุเมเรียน

🌟2.เอกภพของกรีก
  • อาศัยข้อมูลจากสุเมเรียน+บาบิโลน และให้คณิตศาสตร์พัฒนาแบบจำลองของเอกภพ
  • Socrates Thales Aleximander Anaximenis ให้เห็นว่าโลกเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
  • อริสโตเติล พบว่า โลกมีลักษณะเป็นทรงกลม
  • อริสตาร์คัส โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์

🌟3.เอกภพของเคปเลอร์
  • โคเปอร์นิคัส ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ ดาวเคราะห์ โคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงกลม
  • โยฮันเนส เคปเลอร์ (ผู้ชายไทโค บราห์) เสนอกฎเคปเลอร์ 3 ข้อ 
    1.วงโคจรของดาวเคราะห์เป็นวงรี
    2.เส้นที่ลากจากระหว่างดวงอาทิตย์กับดาว            เคราะห์จะกวาดเป็นพื้นที่ได้เท่ากันในเวลาที่        เท่ากัน
    3.คาบกำลัง2 แปรผันตรงกับระยะห่างจากดวง        อาทิตย์กำลัง3

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
โจฮันเนส เคปเลอร์
                                                           

🌟4.เอกภพของกาลิเลโอ
  • ใช้กล้องโทรทรรศน์ ศึกษาดาราศาสตร์
  • ผิวดวงจันทร์มีภูเขาและหลุมอุกาบาตร
  • ทางช้างเผือกที่มองเห็นเป็นผ้าขุ่น แท้จริงคือดาวฤกษ์
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
กาลิเลโอ
                                                    
🌟นิวตัน อธิบายว่า การที่บริวารของดวงอาทิตย์สามารถโคจรรอบดวงอาทิตย์ได้เพราะแรงโน้มถ่วง ขนาดของแรง ขึ้นกับมวลและระยะห่าง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ นิตัน
นิวตัน
            
กำเนิดเอกภพ
 ❤สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับเอกภพ❤ 
  • เอกภพมีความกว้างใหญ่ไพศาล ประกอบด้วย กาแล็กซี ประมาณแสนล้านกาแล็กซี
  • แต่ละกาเเล็กซีมีเส้นศุนย์กลางประมาณ 100000 ปีเเสง
  • 1 ปีเเสง คือ ระยะทางที่แสงใช้เวลาในการเดินทาง 1 ปีมีค่าประมาญ 9.5 ล้านล้านกิโลเมตร
  • ทฤษฎีที่ใช้ในการอะิบายการเกิดของเอกภพ ๆด้แก่ ทฤษฎีบิกแบง (Big Bang Theory)

❤ทฤษฎีบิกแบง (Big Bang Theory)❤
  • เป็นทฤษฎีที่กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังงานมาเป็นมวลสารของเอกภพ
  • ขณะเกิดบิกแบง ได้ปรากฎมีอนุภาคืนพื้นฐาน ได้แก่ ควาร์ก อิเล็กตรอน นิวโทรนิ และโฟตอน
    -อนุภาคเหล่านี้มีปฏิอนุภาคของมันด้วย
    -หากอนุภาคใดพบกับปฏิอนุภาคของมันจะเกิด      การหลอมรวมกันของอนุภาคทั้งสอง ทำให้          อนุภาคทั้งสองกลายเป็นพลังงาน
   -ในเอกภพมีจำนวนอนุภาคมากกว่าจำนวนปฏิ          อนุภาค จึงทำให้มีอนุภาคเหลืออยู่ในเอกภพ        และก่อให้เกิดเป็นสสารต่างๆ ในเอกภพใน          ปัจจุบัน
  • หลังเกิดบิกแบง 1 ไมโครวินาที อุณหภูมิของเอกภพลดลงประมาณสิบล้านล้านเคลวินและควาร์กรวมตัวกันกลายเป็นโปรตอนและนิวตรอน
  • หลังบิกแบงได้ 3 นาที อุณหภูมิของเอกภพลดลงไอปีกเป็นร้อยล้านเคลวิน และเกิดการรวมตัวกันของโปรตอนกับนิวตรอนกลายเป็นฮีเลียมในช่วงนี้เอกภพขยายตัวเร็วมาก
  • เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 30000 ปี อุณหภูมิของเอกภพได้ลดลงเหลือ 1000 เคลวิน นิวเคลียสของไฮโดนเจนและฮีเลียมดึงอิเล็กตรอนเข้ามาเป็นวงจร เกิดเป็นอะตอมขึ้น
  • หลังเกิดบิกแบงอย่างน้อย 1000 ล้านปี ได้เกิดมีกาแล็กซี โดยภายในกาเเล็กซีมีธาตุไฮโดรเจนและฮีเลียมเป็นสารเริมต้นในการกำเนิดดาวฤกษ์รุ่นแรกๆ

❤กฎฮับเบิล❤
รูปภาพที่ไม่มีคำบรรยาย
รูปภาพที่ไม่มีคำบรรยาย

👀กาเเล็กซี👀
  • กาเเล็กซี คือ ระบบของดาวฤกษ์ หรือเป็นอาณาจักรของดาวฤกษ์
  • กาแล็กซีเกิดขึ้นมาหลังจากบิกแบงประมาณ 1000 ล้านปี
  • แต่ละกาแล็กซีประกอบด้วยดาวฤกษ์ประมาณแสนล้านดวง
  • แต่ละกาเเล็กซีคงสภาพอยู่ได้ด้วยแรงความโน้มถ่วงระหว่างดาวฟกษ์กับหลุมดำ
  • ระหว่างดาวฤกษ์จะมีกลุ่มแก๊สและฝุ่นละออง เรียกว่า เนบิวล

❤ประเภทของกาแล็กซี❤
1.กาแล็กซีกังหัน (Spiral Galaxy) มีรูปร่างแบบกังหัน บางทีเรียกว่ากาเเล็กซีก้นหอย กาแล็กซีแอนโดรเมดามีรูปร่างแบบกังหัน

                                         รูปภาพที่เกี่ยวข้อง   

2.กาแล็กซีกังหันแบบมีเเขน Barred Spiral Galaxy)
มีลักษณะคล้ายกาแล็กซีกังหัน แต่ตรงกลางมีลักษณะเป็นคานและมีแขนแบบกาเเล็กซีแบบกังหันต่อออกมาจากปลายคานทั้งสอง มีอัตราหมุนรอบตัวเองเร็วกว่ากาแล็กซีทุกประเภท เช่น ทางช้างเผือก

                                           ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กาแล็กซี่กังหันแบบมีแขน


3.กาแล็กซีกลมรี (Elliptical Galaxy)
มีรูปร่างกลมรี ซึ่งบางกาแล็กซีอาจกลมมากบางกาแล็กซีอาจรีมาก นักดาราศาสตร์ให้ความเห็นว่า กาแล้กซีประเภทนี้จะมีรูปร่างกลมรีมากน้อยเพียงใดนั่นขึ้นอยู่กับอัตราการหมุนของกาแล็กซี ถ้าหมุนเร็วจะมีรูปร่างยาวรีมาก

                                         ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กาแล็กซี่กลมรี   


4.กาแล็กซีไร้รูปร่าง(Irregular Galaxy)
เป็นกาเเล็กซีที่มีรูปร่างไม่แน่นอนหรือเรียกว่า กาเเล็กซีอสันฐาน มักจะเป็นกาแล็กซีมีขนาดเล็ก เช่นน กาแล็กซีแมกเจลแลนใหญ่ และกาเเล็กซีแมกเจลแลนเล็ก

                                    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กาแล็กซีไร้รูปร่าง

บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ

เทคโนโลยีอวกาศ 🌟กล้องโทรทรรศน์🌟       แบ่งออกเป็น 2 ประเภท กล้องโทรทรรศน์ชนิดหักเหแสง ใช้เลนส์ในการรวมเหมาะสำหรับใช้สังเกตพื้นผิวดว...