วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2560

บทที่ 4 ธรณีประวัติ



อายุทางธรณีวิทยา


  1. อายุเทียบสัมพันธ์ คือ อายุเปรียบเทียบ หาได้โดยอาศัยข้อมูลจากซากดึกดำบรรพ์ที่ทราบอายุแล้วนำมาเปรียบเทียบกับช่วงเวลาทางธรณีวิทยาที่เรียกว่า ธรณีกาลล จะบอกได้ว่าเป็นหินในยุคไหนหรือมีช่วงอายุเท่าใด
  2. อายุสัมบูรณเป็นอายุของหินหรือซากดึกดำบรรพืที่สามารถบอกจำนวนปีที่ค่อนข้างแน่นอน คำนวณจากครึ่งชีวิตของธาตุกัมมันตรังสีที่มีอยู่ในหิน เช่น C-14 , K-40 , Rb-87 , U-238

ซากดึกดำบรรพ์

  • ซากดึกดำบรรพืเป็นซากพืชซากสัตว์ที่ตายทับถมกันอยู่ในชั้นหินตะกอนแล้วเปลี่ยนเป็นหิน ได้แก่ ซากืช ซากสัตว์ ร่องรอย
  • ซากดึกดำบรรพ์บางชนิดปรากฏให้เห็นเปด็นช่วงสั้นๆ ดังนั้นสามารถใช้บอกอายุของหินที่มีซากนั้นอยู่ ซากดึกดำบรรพ์ประเภทนี้เรียก ซากดึกดำบรรพ์ดัชนี
  • ซากดึกกำบรรพ์ดัชนี คือ ซากดึกดำบรรพ์ที่ช่วงบอกอายุได้แน่นอน และปรากฎให้เห็นเพียงช่วงอายุหนึ่งแล้วก็สูญพันธุ์ นักธรณีวิทยาจะนิยมใช้วิธีนี้หาอายุของหินตะกอน
  • ประเทศไทยบซากดึกดำบรรพ์ดัชนี ไทรโลไบต์ บริเวณเกาะตะรุตา แกรปดตไลต์ อำเภอฝาง เชียงใหม่ เป็นต้น

บทที่ 3 ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา

แผ่นดินไหว

สาเหตุและกลไกในการเกิดแผ่นดินไหว

  1. การเคลื่อนที่ของเปลือกโลกตามแนวระหว่างรอยต่อของแผ่นธรณีภาค
  2. ทำให้เกิดแรงพยายามกระทำต่อชั้นหินขนาดใหญ่เพื่อจะทำให้ชั้นหินนั้นแตก
  3. ขณะชั้นหินยังไม่แตกหัก เกิดเป็นพลังงานศักย์ขึ้นที่ชั้นหิน
  4. เมื่อแรงมีขนาดมากจนทำให้แผ่นหินแตกหักจะเกิดการถ่ายโดนพลังงานไปยังชั้นหินที่อยู่ติดกัน
  5. การถ่ายโอนพลังงานเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในรูปของคลื่น แผ่ออกไปทุกทิศทาง
  6. คลื่นที่แผ่จากจุดกำเนิกการสั่นสะเทือนขึ้นมายังเปลือกโลกได้ เรียกคลื่นนี้ว่า"คลื่นในตัวกลาง"
  7. อัตราเร็วในการแผ่ของคลื่นแผ่นดินไหวขึ้นกับความยืดหยุ่นและความหนาแน่นของตัวกลาง
  8. เรียกจุดกำเนิกการสั่นสะเทือนว่า ศูนย์เกิดแผ่นดินไหว
  9. ตำแหน่งบนผิวโลกที่อยู่เหนือศูนย์การเกิดแผ่นดินไหวเรียกว่า จุดเหนือศูนย์แผ่นดินไหว
  10. การระเบิดของภูเขาไฟอาจเป็นสาเหตุของแผ่นดินไหว

คลื่นไหวสะเทือน

คลื่นไหวสะเทือนมี 2 แบบ

  1. คลื่นในกลาง = คลื่นปฐมภูมิ คลื่นทุติยภูมิ
  2. คลื่นพื้นผิว 

  • คลื่นเลิฟ (L wave) เป็นคลื่นที่ทำให้อนุภาคของตัวกลางสั่นในแนวราบ โดยมีทิศททางตั้งฉากกับการเคลื่อนที่ของคลื่น
  • คลื่นเรย์ลี (R wave) เป็นคลื่นที่ทำให้อยุภาคตัวกลางสั่น มีทิศทางเดียวกับการเคลื่อนที่ของคลื่น สามารถทำให้พื้นผิวแตกร้าว และเกิดเนินเขา ทำให้อาคารที่ปลูกอยู่ด้านบนเกิดเสียหาย
ไซโมกราฟ (seismo-graph)
   เป็นเครื่องมือบันทึกข้อมูลคลื่นแผ่นดินไหวมีเครือข่ายทั่วโลก



บริเวณที่มักเกิดแผ่นดินไหว
  1. แนวรอยต่อแผ่นธรณีภาค
  2. แนวรอยต่าสำคัญที่มักทำให้แผ่นดินไหว มี 3 แนว ได้แก่
  • แนวรอยต่อล้อมรอบมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นสาเหตุ 80% เรียกบริเวณนี้ว่า "วงแหวนแห่งไฟ"
  • แนวรอยต่อภูเขาแอลป์และภูเขาหิมาลัย 15%
  • แนวรอยต่อที่เหลือเป็นสาเหตุของอีก 5% ของแผ่นดินไหว
ความรุนแรงของการเกิดแผ่นดินไหว
  1. ความรุนแรงของแผ่นดินไหว ขึ้นกับบริเวณพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาจากศูนย์แผ่นดินไหว
  2. กำหนดจากผลกระทบหรือความเสียหานที่เกิดบริเวณผิวโลก ญ จุดสังเกตุ
  3. หน่วยวัดความรุนแรงของแผ่นดินไหว คือ ริกเตอร์
  4. น้อยกว่า 2.0 ริกเตอร์ เป็นแผ่นดินไหวขนาดเล็ก
  5. 6.0 ริกเตอร์ขึ้นไป จัดเป็นแผ่นดินไหวรุนแรง
มาตราเมอร์คัลลี
  1. คนไม่รู้สึกสั่นไหว แต่เครื่องตรวจจับได้
  2. คนในอาคารสูงรู้สึกได้
  3. คนในอาคารแม้ไม่สูงก็สามารถรู้สึกได้
  4. คนในอาคารและคนนอกอาคารบางส่วนรู้สึก ของในอาคารสั่นไหว
  5. รู้สึกได้ทุกคน ของขนาดเล็กมีกรเคลื่อนที่
  6. วัตถุขนาดใหญ่ในอาคารมีการเคลื่อนที่
  7. อาคารมาตรฐานปานกลางเสียหายเล็กน้อย
  8. อาคารที่ออกแบบิเศษเสียหายเล็กน้อย อาคารมาตรฐานต่ำเสียหายมาก
  9. อาคารที่ออกแบบพิเศษเสียหายชัดเจน แผ่นดินแยก
  10. แผ่นดินแยกถล่ม โคลนทรายุ่งขึ้นจากรอยแยก
  11. ดินถล่มและะเลื่อไหล 
  12. ทุกสิ่งโดนทำล่ย ื้นดินเป็นลอนคลื่น
แผ่นดินไหวในประเทศไทย
รอยเลื่อนมีพลัง  คือ แนวรอยเลื่อนบนเปลือกโลกที่เคลื่อนที่ได้ในประเทศไทยมีรอยเลื่อนที่อยู่บริเวณภาคเหนือ และด้านตะวันตกของประเทศ 
คาบอุบัติซ้ำ คือ ระยะเวลาครบรอบของแผ่นดินไหสที่เคยเกิดขึ้น ณ ที่นั้นมาก่อน อาจมีระยะเป็นพันนปีหรือห้าร้อยปี หรือน้อยกว่า

การปฏิบัติขณะเกิดการแผ่นดินไหว
  1. คุมสติอย่าตื่นตระหนกเกินเหตุ หยุดการใช้ไฟฟ้าและไฟจากเตาแก๊ส
  2. ควรอยู่ห่างจากประตู หน้าตต่าง กระจก และระเบียงบ้าน
  3. มุดลงไปใต้โต๊ะที่เเข็งเเรง ห้ามใช้ลิฟต์และบันได
  4. อยู่ห่าจากชายหาด เพราอาจเกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าหาฝั่ง

ภูเขาไฟ

การระเบิดของภูเขาไฟ
   เกิดจากหินหนืดที่อยู่ใต้เปลือกโลกถูกแรงดันอัดให้แทรกรอยแตกขึ้นมาสู่ผิวโลกโดยมีแรงประทุหรือแรงระเบิดเกิดขึ้น สิ่งที่พุ่งออกมาจากภูเขาไฟเมื่อภูเขาไฟระเบิดก็คือ หินหนืด ไอน้ำ ฝุ่นละออง เศษหินและแก๊สต่างๆ โดยจะพุ่งออกมาจากปล่องภูเขาไฟ

หินอัคนี 


  1. หินอัคนีแทรกซอน
  2. หินภูเขาไฟ(หินภูเขาไฟพุ)  


    • ความรุนของหิน ขึ้นอยู่กับอัตรการเย็นตัวของลาวา
    • เช่น หินบะซอลต์ หินัมมิซ หินแก้ว หินทัฟฟ์ หินออบซีเดีย
    หินบะซอลต์
    • เป็นหินที่เกิดจากการเย็นตัวของลาวาที่ผิวโลก
    • เป็นต้นกำเนิดอัญมณีที่สำคัญ
    • ถ้ามีปริมาณของ Si จะเป็นหินแอนดีไซด์
    หินพัมมิซ
    • เป็นหินที่เกิดตากการเย็นตัวอย่างรวดเร็วของลาวา ทำให้เกิดความพรุนสูง บางชิ้นลอยน้ำได้ 

    ภูมิลักษณืของภูเขาไฟ
    1. ที่ราบสูงบะซอลต์ เกิดจากลาวาแผ่เป็นบริเวณกว้าง ทับถมกันหลายชั้นกลายเป็นที่ราบและเนินเขา
    2. ภูเขาไฟรูปโล่ เกิดจาดลาวาของหินบะซอลต์ระเบิดออกมาแบบมีท่อปล่องภูเขาไฟเล็ก
    3. ภูเขาไฟรูปกรวย เป็นรูปแบบที่สวยงามที่สุด เกิดจากการทับถมสลับกันระหว่างการไหลของลาวา









    บทที่ 2 โลกและการเปลี่ยนแปลง

        โลกและการเปลี่ยนแปลง

       ทฤษฎีการแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาค

    •  เสนอโดย ดร.อัลเฟรด เวเกเนอร์ ชาวเยอร์มัน
    • ทฤษฎี:แต่เดิมแผ่นดินบนโลกเป็นแผ่นเดียวกัน เรียกว่า พันเจีย(pangaea)
    • 200 ล้านปีก่อนพันเจียแยกออกเป็น 2 ทวีป ได้แก่ ลอเลเซีย อยู่ทางเหนือ ซึ่งมีทวีปยุโรปติดอยู่กับอเมริกาเหนือ และทวีปกอนด์วานาอยู่ทางใต้
    • ต่อมากอนด์วานาแตกออกเป็น ทวีปอินเดีย อเมริกาใต้ และแอฟริกา ส่วนออสเตรเลียยังคงเป็นส่วนหนึ่งของกอนด์วานา
    • 65 ล้านปีก่อนมหาสมุทรแอตแลนติกแยกตัวกว้างขึ้น ทำให้แอฟริกาเคลื่อนที่ตัวห่างออกจากอเมริกา
    • ต่อมายุดรปและอเมริกาเหนือแยกออกจากกัน โดยอเมริกาเหนือโค้งเข้าเชื่อมกับอเมริกาใต้ และออสเตรเลียแยกออกจากแอนตาร์กติกา





        หลักฐานสนับสนุนทฤษฎีของเวเกเนอร์
    • รอยต่อของแผ่นธรณีภาค  รูปร่างของทวีปบางทวีปเชื่อมต่อกันได้พอดี แต่อาจไม่สมบูรณ์เท่าไรนัก
    • ความคล้ายคลึงกันของกลุ่มหินและแนวภูเขา กลุ่มหินที่พบในบางทวีปมีความคล้ายคลึงกันหรือเป็นหินชนิดเดียวกัน


       หลักฐานที่สนันสนุนการเคลื่อนตัวของทวีป
    • สันเขาใต้สมุทรและร่องลึกใต้สมุทร
    • หินที่เกิดจากการสะสมตัวของตะกอนจากธารน้ำแข็ง
    • ซากสัตว์ดึกดำบรรพ์  เช่น
          มีโซซอรัส

           ลีสโทรซอรัส


           ไซโนกาทัส

                   กลอสโซพเทรีส

    • อายุหินบริเวณพื้นมหาสมุทร 
    • ภาวะแม่เหล็กโลกบรรพกาล (ร่องรอยสนามแม่เหล็กโลกในอดีต)
       กระบวนการที่ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณ
    • วงจรการพาความร้อน คือ กระบวรการที่สารร้อนภายในโลกไหลเวียนเป็นวงจร ทำให้เปลือกโลกกลางมหาสมุทรยกตัวขึ้น
    • เมื่อสารร้อนไหลเวียนขึ้นมาจะมีความหนาแน่นเพิ่มขึ้น และมุดลงบริเวณร่องลึกมหาสมุทร
      ลักษณะการเคลื่นที่ของแผ่นะรณีภาค
    • ขอบแผ่นธรณีภาคแยกออกจากกัน  คือ แผ่นธรณีภาคใต้มหาสมุทรเคลื่อนตัวแยกออกจากกันและปรากฏเป็นเทือกเขากลางมหาสมุทร
    • ขอบแผ่นธรณีภาคเคลื่อนเข้าหากัน คือ ทำให้เกิดเป็นภูเขาไฟกลางมหาสมุทร , เกิดเทือกเขาบนแผ่นธรณีภาคพื้นทวีป , เกิดเป็นเทือกเขาสูง
    • ขอบแผ่นธรณีภาคเคลื่อนที่ผ่านกัน คือ ทำให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในระดับตื้นๆในบริเวณพื้นทวีป หรือมหาสมุทร 



       การเปลี่ยนแปลงลักษณะของเปลือกโลก
    • ชั้นหินคดโค้ง ได้แก่  คดโค้งรูปประทุนหงาย คดโค้งรูปประทุนหงาย

    • รอยเลื่อน คือ ระนาบรอยเเตกตัดผ่านหินซึ่งมีการเคลื่อนที่ผ่านกัน และหินจะเคลื่อนที่ตามระนาบรอยเเตกนั้น แบ่งออกเป็น 3 ประเภท
           -รอยเลื่อนปกติ
           -รอยเลื่อนย้อน
           -รอยเลื่อนตามแนวระดับ






    บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ

    เทคโนโลยีอวกาศ 🌟กล้องโทรทรรศน์🌟       แบ่งออกเป็น 2 ประเภท กล้องโทรทรรศน์ชนิดหักเหแสง ใช้เลนส์ในการรวมเหมาะสำหรับใช้สังเกตพื้นผิวดว...